ค้นหาหนัง

Superman Returns | ซูเปอร์แมน รีเทิร์น

Superman Returns ซูเปอร์แมน รีเทิร์น,
เรื่องย่อ : Superman Returns | ซูเปอร์แมน รีเทิร์น

ซูเปอร์แมน ถือกำเนิดบนดาวเคราะห์ซึ่งดับสูญไปนานแล้ว ถูกเลี้ยงดูให้โตขึ้นมาโดยพ่อแม่บุญธรรมในฟาร์มของตระกูลเคนท์ในเมืองแคนซัส เด็กชายตัวน้อย คาลเอล ได้ถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น คล้าก เคนท์ และถึงแม้ว่าเขาจะโตขึ้นมาท่ามกลางมนุษย์ธรรมดา เขาก็ไม่ได้เป็นหนึ่งในพวกนั้น ภายใต้พระอาทิตย์สีเหลืองของโลกใบนี้ เขาสามารถทำหลายสิ่งหลายอย่างที่มนุษย์ปุถุชนได้แต่ฝัน แต่ในการที่จะอยู่ร่วมกับพวกมนุษย์นั้นเขาจะต้องอยู่อย่างคนสองชีวิต โดยเป็นคล้าก เคนท์ที่นุ่มนวลและถ่อมตนซึ่งจะแปลงร่างอย่างลับ ๆ เป็นมนุษย์เหล็กเมื่อโลกต้องการความช่วยเหลือ

IMDB : tt0348150

คะแนน : 8



ผมมักบอกกับตัวเองและใครๆ เสมอว่าอย่าตั้งความหวังกับสิ่งใดมากจนเกินไป โดยเฉพาะกับการดูภาพยนตร์

แต่ก็เป็นธรรมดาเหมือนกันที่ผมเองชอบไปตั้งความหวังกับเรื่องโน้นเรื่องนี้ประจำเล้ยเชียว (ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองสิครับแบบนี้)

กับเรื่องนี้ก็พอกันครับ ได้คำชมเยอะนะ ทางโน้นก็ยกกันซะผมเห็นหนังลอยเลย จนผมหมายมั่นปั่นมือเลยครับ เพราะช่วงนี้ของปีก่อน ผมก็มาตะโกนในบอร์ดนี้เต็มๆ ไปแล้วว่า “แบทแมนกลับมาแล้วโว้ยยยยยยยยยยยย” ปีนี้ก็คิดว่าคงมีอีกรอบน่ะครับ มาตะโกนอีกซักที แต่หากท่านลองอ่านที่ผมบ่นในเบื้องต้นนี้แล้วคงเดาได้ว่า ผมไม่ใคร่จะพอใจกับการรีเทิร์นสของมนุษย์เหล็กไหลรายนี้เท่าไหร่นักน่ะฮะ (เลยอดตะโกนจนได้ ผม โธ่)

เอ้า มาว่ากันที่เนื้อเรื่องก่อน เออ พูดตรงนี้ก็ดีแล้ว ผมขอแนะนำนะครับว่าท่านไม่ควรไปอ่านสุ่มสี่สุ่มห้าในเรื่องราวเกี่ยวกับซูเปอร์แมนภาคใหม่นี้ เพราะมีหลายที่หลายท่านเลยที่ดันเอา “ปมเด็ดๆ” ในเรื่องมาเล่าซะงั้นน่ะ (ที่กระทู้แสดงความเห็นของเว็บนี้ ที่ผมทำลิ้งค์ไปน่ะครับ นี่ก็มีท่านหนึ่งสปอยล์โผล่มา นี่ไม่ได้ว่านะครับ คาดว่าพี่แกคงไม่รู้ว่าปมนี้สำคัญ แต่แค่เอามาบอกให้ท่านระวังไว้น่ะครับ)

ดังนั้นสิ่งที่ท่านควรทำก่อนดู Superman มีเพียงอย่างเดียว นั่นคือ ไปหา VCD หนัง Superman ภาค 1 กับ 2 มาดู แล้วตรงไปดูในโรงได้เลยครับ เพราะเรื่องราวภาครีเทิร์นสนี้ ต่อจากภาค 2 นั่นแหละ

หลังเรื่องราวทั้งหลายในภาค 2 จบลงไป ซูเปอร์แมนก็หายไปจากโลกครับ (หายไปจริงๆ นะ) จน 5 ปีต่อมานี่แหละพี่ท่านถึงเสด็จลงมากับอุกกาบาตอีกครั้ง พอกลับมาคราวนี้ เขาก็เลือกที่จะใช้ชีวิตเดิม นั่นคือการไปเดลี่พลาเน็ต ในคราบของคลาร์ค เคนท์ ทำงานเป็นนักข่าวจอมซุ่มซ่ามอีกตามเคย และขณะเดียวกันเขาก็กลับมาเป็น ซูเปอร์แมนผู้พิทักษ์โลกอีกครั้ง

ก็แน่ล่ะครับ ลองว่าซูเปอร์แมนมาที่เดลี่พลาเน็ต เขาก็ต้องกลับมาสานสัมพันธ์ซึ้งกับ โลอิส เลน (Kate Bosworth) นักข่าวหัวเห็ดที่ตอนนี้กลายเป็นแม่คนไปแล้ว และยังมีแฟนใหม่อีกนั่นคือ ริชาร์ด ไวท์ (James Marsden) หลานชายของเพอร์รี่ ไวท์ (Frank Langella) บก. เดลี่พลาเน็ตนั่นเอง

แต่เราก็รู้กันครับ ว่าโลอิสน่ะยังตัดใจจากซูเปอร์แมนไม่ได้ร้อก

และที่ขาดไม่ได้สำหรับหนังฮีโร่ก็คือ ผู้ร้าย และก็คือเขาครับ เล็กซ์ ลูธอร์ (Kevin Spacey) อัจฉริยะอำมหิตที่คิดแต่แผนจะทำลายโลกเพื่อประโยชน์ส่วนตน และงานนี้พี่แกก็มีแผนอีกแล้วครับ ยิ่งซูเปอร์แมนกลับมานี่ยิ่งต้องมีมวยกันหน่อยล่ะ

และเรื่องราวจะเป็นไงต่อไป ซูเปอร์แมนกับโลอิสจะหวนคืนลมรักหรือไม่ แล้วไอ้บ้าเล็กซ์จะทำอะไรอีก ก็ไปหาคำตอบต่อไปนะฮะ

อ้า เล่าเนื้อเรื่องไปพอหอมปากหอมคอ จริงๆ ผมไม่ต้องเล่าก็ได้นะ เพราะซูเปอร์แมนมันแพ็ทเทิร์นนี้อยู่แล้วอ้ะ เรื่องของซูเปอร์แมน – โลอิส และ เล็กซ์ รักกัน ตีกัน เป็นงี้ตลอด อีกทั้งตัวอย่างมันก็บอกหมดแล้วน่ะ แต่ที่เล่านี่ก็เพื่อให้มันเปลืองเนื้อที่เล่นครับ 5555 จะได้ยาวๆ หน่อย

เข้าเรื่องดีกว่า เห็นผมจั่วหัวก็รู้แล้วล่ะมั้งว่าผมคิดยังไง แต่เปล่านะครับ หนังไม่ได้แย่ย่ำ เพียงแต่มันออกมาในระดับมาตรฐานเท่านั้นเอง ไม่ได้เด่นโดดเท่าไหร่ เรียกว่าเทียบกับหนังซูเปอร์ฮีโร่ด้วยกันอย่าง Spider-Man ก็ต้องบอกว่าเรื่องพี่แมงมุมเฉียบกว่า หรือกับ Batman Begins ผมเองกลับจะยังชอบกว่าด้วยซ้ำไป

จุดที่ซูเปอร์แมนภาคนี้พยายามขับเน้นมากเลยก็คือ เรื่องเชิงดราม่านะครับ ประมาณว่าพี่ซุปแกกลับมา เจอโลอิสมีลูกมีแฟนแล้วก็เลยออกอาการเฮิร์ตๆ แล้วหนังก็เล่นกับเรื่องนี้เยอะหน่อย ซึ่งผมถือว่าดีครับเป็นการสร้างความใหม่ให้ฮีโร่คนนี้ เพราะหากพิจารณาดีๆ ฮีโร่คนนี้ของเราถือว่ามีความหลากหลายน้อยนะครับ ไม่เหมือนเจ้าอื่นที่เป็นคน แล้วต้องมาเป็นฮีโร่เลยต้องเจอมรสุมชีวิตต่างๆ ดังนั้นการที่ทีมงานหมายมั่นจับเอาเรื่องเชิงดราม่าและเอาปัญหาใส่ลงไปในชีวิตของพี่ซุป ถือเป็นการเพิ่มความใหม่และใส่ความน่าติดตามลงไปได้อีกมากโข และยังสามารถเอามาเล่นได้อีกเรื่อยๆ ด้วย

แต่ปัญหาคือมันไม่ถึงน่ะสิครับ

ซึ่งส่วนนี้ผมถือเป็นความเรื่องมากส่วนตัว อันนี้ยอมรับผิดเลยครับ ดันดูหนังมากเกินไป ยิ่งหนังเอเซียบ้านเรานี่ขยันดูจ้างงงง แล้วเจอมาเยอะไงครับ เกี่ยวกับความซึ้ง ความรักที่งดงาม การสื่ออารมณ์ที่มาทั้งภาพ เพลง เสียง แสง สี แมงหวี่แมงวันอะไรนี่หนังฟากเอเซียเรามันลึกซึ้งกว่า มันทำให้โรแมนซ์ได้อ้ะ ดูหนังโรแมนติกฟากเอเซียทีไรนึกในใจ “ได้กันแน่คู่เนี้ย” ทีนี้พอผมมานั่งดูทางฟากมะกันตะวันตก ซึ่งผมยอมรับว่าเขาจะไม่สื่อลึกขนาดนั้นครับ เขามองว่าแค่มองตาแค่อะไรก็เพียงพอแล้ว แค่สัมผัสหน่อยๆ ก็พอแล้วสำหรับฉากที่สื่อถึงความรัก นั่นเลยทำให้ผมรู้สึกว่าหนังมันไม่ถึงโดยปริยาย

แต่จะว่าผมเรื่องมากทีเดียวก็ไม่ได้ เพราะหลังๆ หนังมะกันเองก็ทำได้ดีนะครับ แนวรักๆ แบบซึ้งๆ น่ะ หลายเรื่องเลยที่ทำได้อ่อนโยนละมุนละไม ดูแล้วซึ้งน่ะ ทว่ากับเรื่องราวของรักของโลอิสและซูเปอร์แมนในเรื่องที่พยายามขับเน้นมันกลับไปแรงหรือกินใจอย่างที่ควรจะเป็น กลับเสนอแบบเรื่อยๆ ซึ่งดูแบบไม่คิดมากมันก็พอได้น่ะครับ เพียงแต่มันจะผ่านมาแล้วผ่านไป ไม่ได้ตรึงใจเท่าที่ควร และปัญหาที่ตามมาคือ หนังที่ยาวตั้งสองชั่วโมงครึ่งนี้เล่นกับเรื่องนี้ไม่ใช่น้อย ทำให้หนังดูอืดไปบ้างในช่วงที่ว่า

ขณะเดียวกัน เรื่องดราม่านอกจากปมนี้แล้ว ก็ยังมีปมอย่างอื่น แต่แทนที่จะเสนอให้ครบอารมณ์ ก็กลับบอกแบบผ่านๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคลาร์คกับแม่ชาวโลกของตน มาร์ธา เคนท์ (Eva Marie Saint) ก็โดนพูดถึงแบบนิดๆ หน่อยๆ ในตอนต้นก่อนที่จะหายไปเลย ทั้งๆ ที่ถ้าหนังมีการตัดสลับอย่างตอนที่ซูเปอร์แมนช่วยคน แล้วให้ตัดฉากมาที่มาร์ธา ซักหน่อย ฉายภาพให้เราเห็นว่าเธอภูมิใจในลูกคนนี้เหลือเกิน แค่นี้ก็ได้แล้วครับ ได้เยอะเลย ดังนั้นเจอประเด็นนี้ในหนังก็อดเอาไปเทียบกับบท ป้าเมย์ ในหนัง Spider-Man ไม่ได้ รายนั้นบทในภาค 2 ฉากที่เธอพยายามให้ปีเตอร์รับเงิน 20 เหรียญนั่นยังเรียกน้ำตาผมได้จนถึงทุกวันนี้เลยครับ (อยากเอาออสการ์ถวายป้าแกเป็นบ้า)

ผมก็ไม่เข้าใจนะครับ ว่าทำไมบทหนังถึงไม่ค่อยเปิดโอกาสในพี่ซุปแกแสดงอารมณ์เท่าไหร่ อย่างตอนที่แกโฉบไปบ้านที่โลอิสอยู่กับริชาร์ดนั้น ดูเหมือนแกจะแสดงความเฮิร์ตนะ แต่จู่ๆ บทจะสงบก็เงียบซะงั้นนะ ผมว่าถ้าหนังมันลากหน่อย ให้แกเฮิร์ตนิด แล้วก็ค่อยๆ ให้คำพูดของโจ-เอล ดัง แล้วก็ให้แกนึกสลับถึงผู้คนที่กำลังรอความช่วยเหลือจากแก มันจะเบี่ยงอารมณ์ได้ลื่นกว่านะครับผมว่า แต่นี่พอแกเฮิร์ตปุ๊บๆ จู่ๆ หักไปช่วยคนเฉยเลย ผมเลยไม่ค่อยแน่ใจว่าแกไปช่วยคนเพราะแกตระหนักถึงอำนาจที่ตนเองมี หรือแกทำไปเพื่อให้ลืมๆ โลอิสซะงั้นกันแน่

ถ้าจะบอกว่าพี่ซุปแกเป็นต่างดาวเลยไม่มีอารมณ์นี่ผมเถียงขาดใจครับ เพราะ Superman ต้นฉบับ ที่ Christopher Reeves แสดงไว้นั้น ภาคแรกตอนท้าย พอโลอิสเจอเรื่องคอขาดบาดตาย พี่ท่านระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างแรงครับ จนยังผมอดสะเทือนใจตามไปไม่ได้เลย

หรือถ้าจะบอกว่าพี่ซุปภาคนี้แกเปลี่ยนไป เห็นทางธรรม ไม่คิดเล็กคิดน้อย ทำเพื่อประชาชนอย่างเดียว … แล้วแกจะยังป้วนเปี้ยนกับโลอิสทำไม เอาแค่ตอนโลอิสทำของหล่น แล้วคลาร์คช่วยเก็บ แล้วจะมีช็อตหนึ่งครับที่คลาร์คแว่นหล่นครับ เขาลังเลที่จะใส่มันกลับ เขามองโลอิสด้วยสายตาบางอย่าง … ว่าง่ายๆ เขายังมีใจให้เธอนั่นแหละครับ

… เฮ่อ อย่าถือสาคนโรคจิตอย่างผมเลยครับ หลังๆ เริ่มมองอะไรซอยถี่ยิบจนอดรำคาญตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ถ้าท่านรำคาญผมจะเลิกอ่านก็ได้นะครับ ผมเข้าใจน่ะ

จากที่ผมบ่นมาทั้งหมด เลยทำให้ผมไม่ใคร่จะประทับใจประเด็นที่หนังชูเท่าไหร่ เพราะมันไม่เต็มที่เต็มเม็ด จริงๆ ฉากพี่ซุปกับโลอิสบินด้วยกันนั้นก็ออกมาดีครับ เพียงแต่มันคิดๆ อ้ะ ว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านี้ เพราะสายตาที่คลาร์คมองโลอิสตอนทำของหล่นมันหลอกหลอนไงครับ จนคิดว่า นี่ถ้าถึงฉากสวีท แม้พี่ซุปแกจะไม่แสดงความรักออกมาตรงๆ แต่แกก็ต้องมีหลุดมาบ้างล่ะน่า หรือไม่อย่างน้อยหลังฉากสวีทนั้นก็น่าจะมีอะไรเกิดกับจิตใจของพี่ซุปแกเหมือนกัน แต่ที่เห็นกลับไม่มีอะไรครับ

ประเด็นดราม่า เลยออกมาแบบแกนๆ ครับ นำเสนอไม่ถึง และหนังก็เสนอดราม่าแบบเต็มขั้นเลยนะครับ นั่นคือตอนที่หนังเล่าดราม่า จะไม่มีแอ๊คชั่นหรืออื่นใดมาเกี่ยวข้อง ทีนี้มันเลยอดจะเกิดความรู้สึก “ไม่อิ่ม” “ไม่ถึง” และ “เสียดาย” ขึ้นมาน่ะครับ อีกอย่างพอได้ดูหนัง Spider-Man มาก่อน และเรื่องนั้นมันแทรกดราม่าและแอ๊คชั่นได้อย่างลงตัวโคตรๆ (ยิ่งภาค 2 นี่ทำในแบบที่ผมเองยังนึกไม่ถึงเลยครับ ว่าจะมีผู้กำกับรายไหนผสมผสานมันได้อย่างสมบูรณ์ขนาดนั้น) เลยอดเปรียบไม่ได้

ครับ นั่นคือที่ผมออกจะผิดหวังในการกลับมาของพี่ซุป แต่ยังครับ ความผิดหวังยังไม่หมด ยังมีอีก แต่ขอพูดถึงประเด็นที่ออกมาเข้าท่าก่อน นั่นคือ ประเด็นฮีโร่ เรื่องการช่วยคน ไม่ว่าจะตอนพี่แกเหาะไปช่วยเครื่องบินที่กำลังจะร่วงนั่น แม้จะเป็นฉากง่ายๆ แต่ก็ออกมาไม่เลวเลยครับ แม้จะไม่ลุ้นสุดตัว แต่ก็ถือว่าดี เมื่อมาผนวกกับเพลงธีมสุดคลาสสิคก็เลยโอเค แต่ก็นั่นแหละ แม้จะออกมาดี แต่ก็รู้สึกอยู่ว่ามันน่าจะแรงกว่านี้ แม้จะดูรู้ว่าประชาชนดีใจที่เขากลับมา แต่ผมว่าการถ่ายทอดมันยังเบาไปอ้ะ มันน่าจะทำให้ขนลุกได้นะ แต่ก็เปล่าครับ หนังนำเสนอได้ดีในระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ดีที่สุด

แต่ขณะเดียวกัน ประเด็นช่วยคน เป็นฮีโร่นี้เอง ทำท่าว่าจะเจ๋งอยู่ฉากเดียวคือตอนช่วยเครื่องบินน่ะแหละ นอกนั้นก็ … เอาอีกแล้ว แต่ก่อนจะถึงตรงนั้นขอมาถึงจุดที่ผมผิดหวังมากหน่อยก่อน นั่นคือ พี่เล็กซ์ ลูธอร์ครับ

พี่ครับ … คนนี้เป็นสุดยอดวายร้ายในตำนานนะ และการสวมบทบาทของ Kevin Spacey จริงๆ ไม่ค่อยผิดหวังนะ เพียงแต่บทอีกแล้วครับ มันไม่เปิดโอกาสให้แกมีสีสันอย่างที่ควรจะเป็น เล็กซ์คนนี้ยอมรับว่ามีความโหดและดูฉลาดบ้าง แต่ความเจ้าเล่ห์แกมโกงนี่ดูไม่มีเลยครับ เห็นแต่ออกแนวร้ายอย่างเดียว มีติงต๊องหน่อยก็เท่านั้น แต่นั่นยังไม่แย่สุด ที่แย่น่ะคือการประมือกันระหว่างซูเปอร์แมนและเล็กซ์ในภาคนี้ ออกมาอย่างธรรมดาแบบไม่น่าเชื่อ ไม่มีอะไรเลยครับ ไม่มีพลิกความคาดหมาย

ไม่มีแม้แต่ความสนุกด้วยซ้ำอ้ะ

อันนี้งงมากนะครับ คือเข้าใจมั้ยว่านี่มันหนังฮีโร่อ้ะ แล้วถ้าฉากต่อสู้กับผู้ร้ายมันออกมาจืดแล้วมันจะเหลืออะไร อีกอย่างฉากช่วยเครื่องบินตกยังอุตส่าห์ทำออกมาลุ้น แต่ทำไมตอนตีกับมวยคู่เอกจริงๆ ดันเป็นมะนาวไม่มีน้ำอย่างนี้ล่ะ ห้วนสั้น หาความมันส์ไม่พบเจอเลย

จริงๆ แผนร้ายของเล็กซ์ภาคนี้ไม่เลวครับ และจะว่าไปแกสามารถเล่นงานพี่ซุปได้ถึงตาย แต่ก็ออกมาแบบธรรมดา ไม่มีอะไรเกินคาดเดา บทจะพลิกมาเอาคืนก็ซะงั้นน่ะ

เรื่องดราม่าไม่ถึงพอทำใจได้ แต่เรื่องตีกับพี่เล็กซ์แล้วไม่มันส์นี่รับไม่ได้ครับ อย่าว่างั้นงี้เลย ผมดูซีรี่ส์ Smallville คลาร์ควัยหนุ่มยังเจอคู่ปรับที่เด็ดดวงกว่านี้ตั้งมากมาย และจะว่าไปผมออกจะชอบสไตล์เล็กซ์ของซีรี่ส์นั่นมากกว่าด้วย

ทำไมมันเสียดายเยอะอย่างนี้วะเนี่ยเรา

ครับ ผมบ่นเยอะ แทบจะไม่ได้ชมอะไรเลยนะ แต่ก็เห็นอย่างนั้นน่ะครับ ไปๆ มาๆ ผมยังชอบ X-Men 3 มากกว่าด้วยซ้ำนะ เพราะอย่างน้อยมันก็มีความมันสืและมีประเด็นเรื่องมิวแตนท์ เรื่องการทรยศ การอุทิศตนอะไรแทรกอยู่ เพียงแต่เรื่องนั้นก็นำเสนอไม่ถึง … แต่อย่างน้อยถ้าเทียบกับเรื่องพี่ซุปนี้ ผมว่า X- Men 3 ยังมีประเด็นดราม่าให้พูดถึงเยอะกว่าอีกด้วยซ้ำไป

แต่ผมเกลียดหนังเรื่องนี้มั้ย ก็ไม่นะครับ ไม่ถึงขั้นนั้น เพียงแต่ผมเห็นว่าหนังมันไม่ถึงจุดที่ควรเป็น และหนังฮีโร่ยุคหลังๆ นี่มันดีอ้ะ มันดีขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ทว่าพี่ซุปกลับไม่สามารถก้าวข้ามสีทันดรไปสู่ระดับยอดเยี่ยมได้

ถึงงั้นก็เหอะ หนังพอดูได้ครับ เรื่อยๆ ดี คนรักพี่ซุปอย่างผมดูก็ยังโอเคน่ะครับ เพียงแต่ในใจก็ยังยกให้ Superman 2 ภาคแรกเด็ดที่สุดอยู่ดี ในหนังภาคนี้มันมี Effect ที่ดีครับ ดนตรีประกอบก็ไม่เลว (ซึ่งก็คือธีมเดิมที่ดีอยู่แล้วนั่นแหละ) แต่ John Ottman ที่มารับช่วงทำดนตรีต่อจาก John Williams ก็ใช้ได้ครับ

ด้านนักแสดงนั้น ผมรู้สึกว่าคนที่ดีสุดก็คือ Bosworth ครับ เธอสวมบทโลอิสได้ดีจริงๆ สายตาตอนมองพี่ซุป หรือตอนจะเสาะหาข่าว หรือตอนไม่พอใจนี่เยี่ยมครับ ได้ทุกอารมณ์ หรือฉากที่เธอบินโรแมนซ์กันพี่ซุปนั่นจะว่าไปส่วนที่ทำให้ฉากนั้นออกมาดีก็เพราะเธอนี่แหละครับ พลังดาราเธออยู่ในระดับยอดจริงๆ

ส่วนพี่ Brandon Routh ซูเปอร์แมนคนใหม่ หล่อครับ การแสดงก็นับว่าพอได้ แต่ยังไม่ดีครับ ยังไงพี่ Reeves ผู้ล่วงลับก็ยอดกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงออกทางอารมณ์ที่จะเนียนและชัดกว่ากันมาก ตอนเป็นคลาร์ค เคนท์ก็ดีครับ ดูเป๋อๆ ดี แต่ตอนเป็นพี่ซุปนี่ มันดีเป็นช่วงๆ อ้ะ บางช่วงก็รู้สึกว่าพี่ซุปคนนี้ไม่มีอะไรดึงดูดนัก แต่บางช่วงก็ “เออ ก็โอเค” ไม่สม่ำเสมอยังไงก็ไม่ทราบ ยิ่งช่วงท้ายผมว่าพี่ซุปแทบไม่ทำอะไรเลยนะ มันจะมีช่วงที่พี่ซุปพลาดท่า แต่ผมกลับไม่รู้สึกใจหายเท่าไหร่ ดังนั้นสำหรับผม พี่ซุปรายนี้พอสอบผ่าน แต่ยังไม่ดีจนน่าพอใจครับ

Spacey ฮ่า บ้า ติงต๊อง แต่ก็แค่นั้นน่ะ ยังไงผมก็ยังชอบ Gene Hackman มากกว่า ไม่ใช่เพราะแกแสดงไม่ดีนะ แต่บทของเล็กซ์ภาคนี้มันโมโนเกินไป ร้ายอย่างเดียว แววตาเอาแต่ใจอย่างเดียว แต่ไม่เจ้าเล่ห์อ้ะ อย่างตอนท้ายเชื่อเถอะครับ ถ้าเป็นเล็กซ์คนเก่า จะต้องไม่ยอมถอยทัพง่ายๆ แน่ แกต้องเล่นอะไรบ้าๆ อีกซักยกน่ะ อย่างเอาปืนไล่ล่าพี่ซุปต่อไรเงี้ย แต่นี่ดันไปซะดื้อ อันนี้ผมไม่โทษพี่ Spacey เท่าไหร่ แต่ผมโทษบทที่เขียนตรงนี้ได้ไม่หนักแน่นพอ

แต่รายที่ยังคงความเป็นตัวประกอบอย่างเหนียวหนึบ คือ James Marsden พี่ไซคลอปส์แห่ง X-Men ก็โอเค ตอนเล่น X3 เขาว่ากันว่าแกบทน้อยเพราะต้องรีบมาเล่นเรื่องนี้ แต่ขอโทษ เรื่องนี้แกเล่นอะไรเท่าไหร่ตรงไหนครับ แม่งก็ตัวประกอบอยู่ดีอ้ะ จริงๆ เอาใครมาเล่นก็ได้นะ และปล่อยให้แกเป็นไซคลอปส์ไปยังดีซะกว่าเลยครับ

Parker Posey ก็เหมาะกับบทคู่ขาของเล็กซ์ดีครับ มีฮาเยอะก็เพราะเจ๊แกนี่แหละ และบทเธอผมว่าสมเหตุผลนะ โดยเฉพาะที่เธอตัดสินใจทำในตอนท้าย อาจเป็นเพราะหนังฉลาดในการตัดสลับให้เราเห็นตลอด ว่าเธอเริ่มจะไม่เห็นด้วยกับเล็กซ์ตอนไหน เราเลยคล้อยตามไงครับ กับอีกรายที่ดีก็คือ Sam Huntington ในบทจิมมี่ โอลเซ่น นักข่าวซี้ของคลาร์ค รายนี้ดูดีครับ แสดงได้ดีเป็นสีสันไม่เลว แต่สะใจสุดตอนหลังที่แกได้ถ่ายรูปพี่ซุปแบบเต็มๆ ซะที แกเลยรัวถ้ายซะยิกเลยครับ (เพราะแกไม่เคยได้ถ่ายรูปพี่ซุปแบบเต็มๆ ซ้ากที) ในขณะที่บทเพอร์รี่ ไวท์ ของ Langella กลับนิ่งครับ ไม่ได้สีสันแตกกระจายเท่าไหร่

สำหรับงานกำกับของ Bryan Singer ครั้งนี้ ก็ต้องบอกว่าไม่เลว แต่ยังไม่ดี แม้ปากจะบอกว่าผิดหวังแต่ก็ไม่ได้ถึงกับยี้หรอกครับ มันดูได้อย่างที่บอกน่ะแหละ เพียงแต่มันอยู่ในระดับมาตรฐานเท่านั้น ไม่ได้เข้าขั้นเด็ดขาดจนต้องดูซ้ำแต่อย่างใด

ถึงตรงนี้แล้ว ถ้าถามว่าควรไปดูมั้ย ผมว่าก็ควรแหละครับ หนังดูได้เพลินๆ แต่ถ้าท่านอ่านรีวิวผมแล้วจะได้ไม่คาดหวังกับมันมากเกินไป

อย่าคาดหวังแอ๊คชั่นครับเพราะมันไม่ได้มีมากมายอะไร
อย่าคาดหวังฉากตีกับวายร้ายครับ เพราะมันธรรมดา เดาได้แน่นอน
และอย่าคาดหวังความพลิกผันแปลกใหม่ ท่านเดาอะไรไว้มันจะเป็นไปตามนั้นทุกประการ ไม่มีพลิกโผแหงมๆ

ส่วนเดียวที่ทำให้ผมตาลุกวาวก็คือ ปมเด็ดๆ ที่ผมว่านั่นแหละ (ดูแล้วท่านจะรู้ครับ) หนังทำได้ไม่เลวกับปมนี้ครับ และทำให้น่าสนใจมากสำหรับภาคต่อไปว่าจะเกิดอะไรต่อไปกับ “ปมนี้” นี่เป็นส่วนเดียวที่ผมถือว่าแปลกใหม่

จะดูไม่ดูแล้วแต่ท่านครับ ผมมาบอกกับท่านแค่ว่า ดูได้แต่อย่าคาดหวัง